Info
"เมื่อฉันมองดูศิลปะ ฉันมองเข้าไปสู่โลกแห่งความงามและความอ่อนโยน
ศิลปะเป็นสิ่งที่สื่อสารกับฉันใช้สื่อสานกับโลก มันสื่อถึงความรู้สึกและความคิดของฉัน ได้อย่างลึกซึ้งและฉันเชื่อว่าศิลปะเป็นทางเลือกที่มีอิสระ มีความเป็นอยู่ไม่จำกัดมัน เป็นที่สร้างสรรค์ไหวและความหลากหลาย
ฉันมุ่งหวังว่าศิลปะของฉันจะสร้างแรงบันดาลใจและความคิดเห็นในผู้ชม เป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างบุคคลที่แตกต่างกัน ได้อย่างเสมอภาค"
ฉันชื่อเมนาท เพื่อนเรียกฉันว่านุ่น ฉันเป็นศิลปินชาวไทยที่เกิดในกรุงเทพ การเดินทางของฉันมันเริ่มต้นเมื่อนานมากแล้ว ถ้าฉันไม่ต้องมาเรียบเรียงชีวิตของตัวเอง ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะจำมันได้ มันหน้าจะเริ่มตั้งแต่ฉันอายุ 12 ปี ฉันเริ่มต้นจากการเรียนวาดเส้นสีน้ำ โรงเรียนสมุดไท พออายุ 15 ฉันก็เข้าเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป ช่วงเวลานั้นฉันได้พบกับศิลปะในหลายๆมุมมอง ผู้คนที่เริ่มต้นพร้อมๆกัน บุคลากรทรงคุณวุฒิทางศิลปะ ครูอาจารณ์ที่แท้จริง และแน่นอนต้องได้พบกับทักษะมากมายสำหรับสร้างงานศิลปะ ทั้งวิชาสุนทรียศาสตร์ กายวิภาค ประวิตศาสตร์ศิลปะ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา จิตวิทยา เทคนิควาดเส้น สีน้ำ สีน้ำมัน สีฝุ่น สีอะครีลิค สีบนเคลือบ ปั้น หล่อ เผา เคลือบ ถอดพิมพ์ ลายรดน้ำ และอื่นๆอันเกี่ยวเนื่องกับวิชาศิลปะ ฉันเรียนต่อมาเรื่อยๆจน ได้ปริญญาตรี สาขาศิลปะไทย ช่างสิบหมู่ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ตอนอายุ 22
จากนั้นฉันก็เข้าสู่ตลาดแรงงานศิลปะอย่างเต็มตัว ฉันค้นพบการปักผ้าแบบGoldwork ค้นพบโปรแกรม illustrator , photoshop , after effects , Dreamweaver ด้วยความรู้ที่มีและใบปริญญา มันก็พาฉันไปค้นพบ garment design , Sports design , Sublimation , Packaging Design , Web Design , Pattern clothes , Clothing Sewing , vector maker งานพวกนี้มันทำให้ฉันต้องเรียนรู้ Marketing , E-Commerce , SEO , และ E-marketing ซึ่งมันก็ทำให้ฉันเป็นที่กลายต้องการของตลาดเสื้อผ้ากีฬา
ฉันวนเวียนอยู่ในตลาด Mass production อยู่ 10 ปี มันยังทำให้ฉันห่างจาก เป้าหมายดั้งเดิม ตั้งแต่อายุ 12 คือการสร้างศิลปะบริสุทธิ์ ถึงฉันจะวาดรูปทุกวันแต่รูปที่ฉันวาด ก็มีแต่เสื้อผ้าแล้วก็ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเสื้อผ้า
พออายุ 35 แน่นอนว่าฉันก็เจอวิกฤตวัยกลางคน เหมือนคนอื่นๆ สภาพจิตใจของฉันย่ำแย่มากก็อย่างว่า การที่ต้องทำสิ่งที่ทำได้ดี และหาเงินได้เยอะ แต่มันไปใช่ตัวตนของเรา ถ้าอยู่เป็นสุขได้ก็คงจะเรียกว่า แปลก อย่างที่เค้าเรียกว่า ร้อนเหมือนนั้งบน อาสนะพระอินทร์ ฉันใดฉันนั้น
ถึงจุดนี้ ฉันจึงสร้างทางแยกให้กับตัวเอง ฉันเริ่มค้นหาอุปกรณ์ทางศิลปะของฉัน ที่เหมือนจะเป็นลงกล่องไปพร้อมๆกับพิธีรับปริญญา แล้วฉันก็เริ่มคิดวาดรูป แล้วฉันก็คันพบกับอีกสิ่งหนึ่งคือ "ฉันไม่รู้จะวาดอะไร" เป็นความจริงที่น่าเศร้า ฉันเริ่มติดต่อกับอาจารย์ และเพื่อนๆสมัยเรียน ฉันอยากเดินย้อยรอยเท้าตัวเองดู ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผลอะไร ฉันก็ยังไม่รู้ว่าอยากวาดอะไรอยู่ดี
ฉันจึงกลับมารื้องาน สมัยเรียน ทั้งที่ยังมีอยู่ ที่ขายไป ที่เป็นแค่เศษกระดาษ ที่อยู่ในสมุด ซึ่งจากการรวบรวมก็นั้นก็เป็นที่มาของการสร้างเว็ปไซค์นี้ นอกจากข้อมูลมากมายที่ฉันรื้อออกมาได้แล้วนั้น มันยังมี วัสดุ อุปกรณ์ ที่ไม่ได้ใช้มาเกือบ 20 ปี เป็นเรื่องที่โชคดีเหลือเกินที่ฉันได้เรียนรู้กระบวนการสร้างงานศิลปะที่ถูกต้อง เพราะทั้งวัสดุ อุปกรณ์ รวมถึงสี มันยังใช้การได้ดี เหมือนพึ่งเก็บไปเมื่อวาน ต้องกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ที่เคียวเข็นให้เรามีวินัยและระเบียบ ในการจัดการข้าวของ แล้วยังมอบเทคนิควิธีในการจัดเก็บ เมื่อจัดการรวบรวมทุกอย่างเสร็จฉันก็เริ่มต้นการ วาดรูปอีกครั้ง
-บึงกุ่ม , กรุงเทพ-15 พฤษภาคม 2562
มีเทคนิคหนึ่งที่ฉันให้ความสนใจ คือการปักผ้าแบบ Gold work แสงที่วิบวับของเส้นทองมันดึงดูดฉันอย่างมาก ฉันคิดว่าฉันยังคงสลัดคราบของดีไซน์เนอร์ออกไปไม่หมด ผลงานของฉันในชุดแรก เป็นเนื้อหาของความพยายามการสร้างมิติแบบนูนต่ำ ออกมาเป็นเครื่องประดับแบบต่างๆ การทีได้ใช้วัสดุที่สวยงามและน่าดึงดูด หลากหลายชนิด มาร้อยเรียงเป็นลวดลายในแบบอุดมคตินิยม มันปลดเปลื้องหลายสิ่งที่อัดอั้นในใจฉัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความรู้สึกค้างคาใจมันค่อยๆเลือนหายไป ฉันเก็บตัวเองกลับมาที่ละนิด จนฉันได้เป็นตัวฉันอีกครั้ง เป็นคนที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองสร้าง ศรัทธาในแนวทางของตัวเอง รู้ได้อย่างชัดเจนว่าตัวเราต้องการสิ่งใด จะเก็บหรือตัดสิ่งใดออกไป
ฉันเริ่มพัฒนาผลงานที่มีแนวทางเฉพาะตัว เป็นรูปแบบของตัวฉันเอง ฉันสนุกกับการสร้างชิ้นงานใหม่อย่างมาก งานสร้างสรรค์หลั่งไหลออกมาจากสมองฉันดุจสายน้ำ ชิ้นงานของฉันกลายเป็นต้นแบบของใครหลายคน จริงอยู่ที่แนวทางนั้นมันทำให้ฉันเหมือนอยู่ใน Wonderland แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงอันตราย ของใยแมลงมุมที่ฉัน ซึ่งฉันเป็นแมลงตัวเล็กๆกำลังบินเข้าไป เพราะสำหรับฉันการปักผ้า มันก็ยังคงเป็นแค่งานอดิเรท ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ฉันเคยลองถามตัวเอง การปักผ้า เย็บผ้า มันเป็นชีวิตของเธอเหรอ? ฉันก็มีคำตอบอยู่แล้วนั้นแหละว่าไม่ไช่ ชีวิตของฉันคือการวาดรูป
-บึงกุ่ม, กรุงเทพ- 20 กุมภาพันธ์ 2562
การมาถึงของCOVID-19 ตัวฉันถูกส่งไปที่ ที่ห่างไกลผู้คน ไกลจากบ้าน หลายร้อยกิโลเมตร ไม่มีแม้แต่สัญญาอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ ความศิวิไลซ์แบบคนเมืองหลวงถูกริบเอาไปจนหมด ฉันถูกรายล้อมไปด้วย ป่า ภูเขา ไอน้ำ ฝุ่น และฝูงแมลง ซึ่งรวมๆแล้วเค้าสิ่งนั้นเรียกว่า ธรรมชาติ การอยู่ที่นั้นมัน แตกต่างจากการไปเที่ยวช่วงวันหยุดเทศกาล อย่างที่เทียบกันไม่ได้ ความเงียบ ความมืด แล้วแสงสว่างในเช้าวันใหม่ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ วิเวก อย่างที่เค้าบอกว่าเราจะได้ยินเสียงของตัวเองก็ต่อเมื่อเราอยู่ในความเงียบที่แท้จริง
ในช่วงแรกยังมีวัตถุดิบงานปักผ้าที่ฉันเอาติดตัวไป ยังพอช่วยแก้เบื่อได้บ้าง สุดท้ายฉันเหลือแค่ กระดาษกับดินสอ ฉันวาดอะไรไม่ได้มากไปกว่างานแบบ Drawing Line art งานแบบ ขาวดำ มันคือการวาด และวาด และวาด ไม่มีเทคนิคที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง
จริงเหมือนกับประโยคที่ว่า มองหาจนสุดขอบฟ้า อยู่ไกลแค่ปลายจมูก ประหนึ่งเหมือนได้เจอกับเพื่อนเก่า คนที่รู้จักเราดียิ่งกว่าเรารู้จักตัวเอง ถึงจะเดินทางออกไป ได้มองเห็นและเป็นส่วนหนึ่งใน ดินแดนที่อัศจรรย์ แต่สิ่งที่ค้นหาอยู่ที่ตรงหน้าเรานี้เอง
-โป่งแยง, เชียงใหม่- 4 สิงหาคม 2564